แอสต้าแซนธิน สารต้านอนุมูลอิสระตัวนี้ดีอย่างไร-by-Doctor-Healthcare

หากจะกล่าวถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่นในเวลานี้จำเป็นต้องกล่าวถึงแอสต้าแซนธินเป็นอันดับแรก ๆ เนื่องด้วยคุณสมบัติและประสิทธิภาพหลากหลาย แอสต้าแซนธิน (Astaxanthin) เป็นสารสีแดงส้มที่พบได้ในอาหารทะเล เช่น แซลมอน เปลือกกุ้ง เปลือกปู ไข่ปลาคาเวียร์ มีลักษณะโครงสร้างคล้ายเบต้าแคโรทีน

 

astaxanthin-อนุมูลอิสระ-ลดริ้วรอย

 

วารสาร The journal of Nutrition and Metabolism ระบุว่าแอสตาแซนธินช่วยลดการอักเสบ ลดปฏิกิริยาการทำลายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยคุณสมบัติของแอสต้าแซนธินเมื่อเทียบกับสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นพบว่า

  • วิตามินอี :  แอสตาแซนธินมีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามินอีถึง 550 เท่า
  • โคคิว10 :  แอสตาแซนธินมีอานุภาพมากกว่าโคคิว10 คิดเป็น 800 เท่า
  • วิตามินซี : แอสตาแซนธินมีความแรงมากกว่าวิตามินซี 6000 เท่า

และเมื่อเทียบกับคาเทชิน (catechin) ที่พบในชาเขียวนั้น แอสตาแซนธินมีประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่า 500 เท่า

ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์สารแอสตาแซนธิน แอสตาแซนธินละลายในไขมันและจะถูกดูดซึมได้ดีเมื่อมีกรดไขมันร่วมด้วย

แอสตาแซนธินกับความดันและระบบประสาท

จากงานวิจัยในหนูทดลอง พบว่าแอสตาแซนธินช่วยลดความดันและชะลอการเสื่อมของระบบประสาทในหนูที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน โดยหนูเหล่านั้นได้รับแอสตาแซนธินเป็นต่อเนื่องนาน 14 วัน

แอสตาแซนธินกับดวงตา

เป็นที่ทราบกันว่าแอสตาแซนธินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งพบสารนี้ได้ในบริเวณจอตา ทำหน้าที่ลดการเสื่อมของจอตาจากอายุที่มากขึ้น เหมือนกับสารลูทีนและซีแซนทีนที่ช่วยป้องกันรังสียูวีเอและอนุมูลอิสระทำร้ายดวงตา 

แอสตาแซนธินกับผิวพรรณ

ด้วยคุณสมบัติของแอสตาแซนธินที่สามารถละลายได้ในไขมันทำให้การซึมผ่านผิวหนังเป็นเรื่องง่ายขึ้น มีการศึกษาที่พบว่าการทาครีมที่มีแอสตาแซนธินเป็นส่วนประกอบวันละ 2 ครั้งติดต่อกันนาน 8 สัปดาห์ ช่วยลดริ้วรอยและรอยตีนกา ผิวหนังยืดหยุ่นมากขึ้น รวมทั้งจุดด่างดำลดจางลงจากการประเมินด้วยการมองเห็นและภาพจากหลอดแสงยูวี (UV lamp photograph) ผิวชุ่มชื้นมากขึ้นในผู้ที่มีผิวแห้ง สำหรับรูปแบบทานพบว่าในผู้ชายที่สุภาพดีหลังจากทานแอสตาแซนธิน 3 มิลลิกรัมได้ 8 สัปดาห์ เห็นผลเช่นเดียวกับการใช้แอสตาแซนทินแบบทา คือ รอยเหี่ยวย่นลดลง ผู้ที่มีผิวแห้งมีผิวชุ่มชื้นมากขึ้น อีกทั้งยังยืดหยุ่นมากขึ้น

แอสตาแซนธินกับการป้องกันแดด

มีการทดลองประสิทธิภาพการป้องกันรังสี UVA จากแสงแดดของสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ พบว่าแอสตาแซนธินซึ่งเป็นหนึ่งในเบต้าแคโรทีนอยด์เป็นเพียงตัวเดียวที่ช่อยป้องกันเซลล์ไฟโบบลาสท์ (fiboblast) ซึ่งเป็นเซลล์สร้างเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนังจากการทำลายของรังสี UVA

แอสตาแซนธินกับการเพิ่มกำลังของร่างกาย

สิ่งที่จะช่วยตัดสินว่าอาหารเสริมตัวนั้นมีผลช่วยเสริมสมรรถภาพของนักกีฬาหรือไม่ สามารถดูได้จากระดับสารอนุมูลอิสระและปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระหลังจากออกกำลังกาย เนื่องจากการออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระตามมา นักกีฬาที่ยอดเยี่ยมจะพบว่าเขาเหล่านั้นสามารถฟื้นตัวและขจัดสารอนุมูลอิสระได้เร็ว มีงานวิจัยที่นำแอสตาแซนธินไปให้นักฟุตบอลทานเป็นเวลา 90 วัน พบว่ากลุ่มนักกีฬาฟุตบอลที่ได้รับแอสตาแซนธินมีระดับสารอนุมูลอิสระน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ทาน และมีปริมารสารต้านอนุมูลอิสระหลังออกกำลังกายมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับแอสตาแซนธิน

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าแอสตาแซนทินยังช่วยบำรุงข้อต่อ เพิ่มความอึดในการออกกำลังกาย ลดความเสี่ยงการเป็นอัลไซเมอร์ ช่วยเพิ่มการโฟกัสในผู้ป่วยสมาธิสั้น (ADHD)

จากประโยชน์ข้างต้นนี้ หลายคนเกิดคำถามในใจว่า เราควรทานหรือใช้สารที่มีแอสตาแซนธินหรือไม่ คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราเอง หากกำลังมองหาตัวช่วยเสริมการชะลอความเสื่อมตามอายุ เพิ่มกำลังร่างกาย และบำรุงสมอง แอสตาแซนธินก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ต้องพิจารณา