ลบรอยแผลเป็น บอกลาด้วยวิธีเรียบง่าย-by-Doctor-Healthcare

ไม่ว่ารอยแผลเป็นจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว อุบัติเหตุ  รอยแผลเป็นนั้นอาจทำให้เราหมดความมั่นใจไป เครื่องประทินผิวและวิธีการรักษามากมายถูกนำมาใช้เพื่อรักษารอยแผลเป็น บรรเทารอยแผลเป็นและเรียกความมั่นใจของเรากลับคืนมา

 

ครีม-ลบรอยแผลเป็น

 

 

เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการลบรอยแผลเป็น เราควรจะใส่ใจดูแลตั้งแต่ที่เริ่มมีแผลด้วยการปล่อยให้ผิวบริเวณนั้นได้สัมผัสอากาศ ทำความสะอาดผิว หลีกเลี่ยงการทาเครื่องสำอางค์เพื่อปกปิดหรือปล่อยให้ชื้นเป็นเวลานาน หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด ระวังการติดเชื้อซ้ำ ไม่แคะหรือแกะแผล การปล่อยให้ตกสะเก็ดตามธรรมชาติของกระบวนการหายของแผลจะช่วยลดการเกิดรอยแผลเป็นได้

บอกลารอยแผลเป็นด้วยวิธีเรียบง่าย

หากกำลังมองหาวิธีลบรอยแผลเป็นด้วยตัวเองเบื้องต้นเพื่อลดค่าใช้จ่าย แนวทางต่อไปนี้สามารถทำได้เองที่บ้านโดยที่ไม่ต้องเข้าร้านเสริมความงาม ไม่เพียงแต่จะช่วยให้รอยแผลเป็นจางลงแบบธรรมชาติ แต่ยังช่วยให้ผิวของเราดูสุขภาพดีขึ้นด้วย

1.การทาบำรุงเฉพาะจุด

การใช้เครื่องสำอางค์บำรุงเฉพาะบริเวณรอยแผลเป็นตั้งแต่ช่วงแรกนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะแผลเป็นนั้นยังเป็นเนื้ออ่อนอยู่ หากปล่อยทิ้งไว้นานเกิน 6 เดือน รอยแผลเป็นนั้นจะเริ่มเรียงตัวแน่นหนาขึ้น นอกจากใช้ครีมบำรุงแล้วยังต้องการวิธีการอื่นเสริม เช่น เลเซอร์ ครีมลอกผิว ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น

2.เร็วสุด ดีสุด

36 ชั่วโมงแรกหลังจากมีรอยแผลเป็น เป็นระยะเวลานาทีทองที่เราควรเริ่มต้นดูแลเนื่องจากจะช่วยลดรอยได้มาก หากพ้น 36 ชั่วโมงนี้ไปแล้ว เราต้องใช้การบำรุงที่มากขึ้นและใช้เวลานานขึ้นกว่าที่รอยแผลเป็นจะจางลง ระวังอุณหภูมิที่ร้อนจัด หนาวมาก หรือแสงแดดก็ส่งผลให้แผลเป็นเห็นชัดขึ้น

3.ห้ามแคะ แกะ หรือเกา

นึกเสมอว่าห้ามสัมผัสแผลเป็นและอย่าพยายามใช้ตัวยารักษาเอง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้แผลเป็นแย่ลง

4.ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดอย่างทะนุถนอมร่วมกับใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เพียงเท่านี้ก็เป็นการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติซึ่งจะทำให้ชั้นผิวหนังผลิตเซลล์ผิวขึ้นมาทดแทนผิวชั้นนอกที่เป็นรอยแผลเป็น ออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ได้ทั่วถึง และยังกระตุ้นการทำงานเซลล์ผิวชั้นลึกให้ปล่อยเอนไซม์ผลิตโปรตีนอันเป็นส่วนประกอบสำคัญของชั้นผิวหนังด้วย

5.เลือกใช้เครื่องบำรุงผิว

เครื่องบำรุงผิวที่สามารถช่วยลบรอยแผลเป็นได้นั้นควรมีส่วนประกอบของวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารผิวอย่างเหมาะสม

วิตามินเอ ช่วยในการผลิตเซลล์ผิวชั้นบน

วิตามินบี 5 (Pantothenic acid) งานวิจัยพบว่ากรดแพนโทเทนิกหรือวิตามินบี 5 เมื่อใช้ร่วมกับวิตามินบีรวมและแอลคานิทินจะช่วยลดการเกิดสิว

วิตามินซี เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างคอลลาเจน และช่วยฟื้นฟูสภาพผิว

วิตามินอี มีฤทธิ์สารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม

เปบไทด์  คือกรดอะมิโนที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้างเส้นใยคอลลาเจน

สารสกัดจากพืช เช่น ว่านหางจระเข้ ฟักทอง มีแร่ธาตุแมกนีเซียม เอนไซม์ผลัดผิว

หัวหอม มีสารกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว เช่น เควอเซอทิน (quercertein) แคมพ์เฟอรอล (kaempferol) และ เซพาลิน (cepalin) สารเหล่านี้ช่วยลดการอักเสบได้ดังงานวิจัยของ Journal of Clinical and Asthetic Dermatology พบว่าผู้ทดลองที่ใช้สารสกัดหัวหอมทาแผล มีแผลเป็นอ่อนนุ่มลงเมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์ และเห็นผลอย่างชัดเจนว่ารอยแผลเป็นจางลงเมื่อทาติดต่อกัน 4-8 สัปดาห์

อัลลันโทอิน (Allantoin) เป็นสารสกัดจากรากของต้นคอมฟรีย์ ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวโดยอัลลันโทอินใช้ส่วนที่เป็นไขมันซึมผ่านชั้นผิวหนังพร้อมกับนำส่วนที่เป็นน้ำเข้าไปด้วย ทำให้ลดการเป็นขุย ผิวแตก อาการคัน และอาการระคายเคือง เป็นที่นิยมนำมาใช้กับผิวหนังอักเสบ เช่น ผื่นแพ้ผ้าอ้อม แผลไหม้จากการทำรังสีบำบัด

ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) อย่างที่ทราบกันว่าว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณรักษาโรคมาแต่โบราณ ในด้านผิวหนัง ว่านหางจระเข้ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและยังช่วยกระตุ้นกระบวนการสมานแผลได้ ทัั้งแผลไหม้ แผลเป็น แม้ว่าว่านหางจระเข้แบบสดจะมีสรรพคุณที่มากกว่า แต่การใช้เจลว่านหางจระเข้แบบสำเร็จรูปอาจสะดวกในการหาซื้อมากกว่า ควรทาว่านหางจระเข้แบบสดที่ลอกเปลือกออกแล้วหรือเจลบนรอยแผลเป็น 2-3 ครั้งต่อวัน หรือทาทิ้งไว้ก่อนนอนก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีสารประกอบอื่นที่ให้ความชุ่มชื้นและพบได้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เช่น ลาโลิน กลีเซอริน เลซิทิน สารเหล่านี้จะช่วยอุ้มน้ำไว้ที่ผิวชั้นนอกในส่วนของเคอราติน เราจึงสัมผัสได้ว่าผิวเนียนนุ่ม ลดรอยเหี่ยวย่น ผิวไม่เป็นขุย และช่วยให้การแต่งหน้าติดได้ง่ายและอยู่นานขึ้น

6.ลดการแต่งปกปิดผิว

ควรเลี่ยงการแต่งปกปิดผิว เพราะเครื่องสำอางค์ที่ใช้จะทำให้สารเคมีไปกระตุ้นรอยแผลเป็นให้เกิดการอักเสบ ยิ่งเราใช้เครื่องสำอางค์แต่งปกปิดผิวบริเวณรอยแผลเป็น ยิ่งกลับกลายเป็นว่ารอยแผลเป็นนั้นแย่ลงและหายยากขึ้น

นอกจากหลักการข้างต้นที่ช่วยทำให้รอยแผลเป็นจางลงแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือการรู้จักอดทน ดูแลเอาใจใส่อย่างต่อเนื่องและเข้าใจว่าต้องใช้เวลา แผลบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องรอให้แผลนั้นสมานตัวเป็นเนื้อเนื้อเดียวกันก่อน ซึ่งอาจใช้เวลานาน 3-4 สัปดาห์ จึงสามารถเริ่มการรักษารอยแผลเป็นนั้นได้